วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

[ADB] Android Debug Bridge เครื่องมือเชื่อมต่อ android

เมื่อพูดถึงเครื่องมือที่ใช้สำหรับในการเชื่อมต่อ android device หลายคนคงนึกถึงเจ้า adb ซึ่ง adb นั้นย่อมาจาก (Android Debug Bridge) เราใช้งาน adb ผ่าน Command Line (DOS Prompt ใน windows) เพื่อ

  • ทำการเชื่อมต่อ android device
  • ทำการตรวจสอบการเชื่อมต่อระหว่าง คอมพิวเตอร์กับ android device
  • ทำการ ดึงและใส่ (push and pull) ไฟล์ระหว่าง android device กับ คอมพิวเตอร์
  • ทำการ install/uninstall app ใน android device

และอื่นๆ อีกมากมาย วันนี้จะขอนำเสนอการใช้งาน adb ง่ายๆ ที่ใช้กันบ่อยๆ ครับ

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวคือ

Download ADB ได้จาก platform-tools.zip

เริ่มต้นการใช้งาน adb กันเลยครับ

1. ทำการเชื่อมต่อ G2 กับ คอมพิวเตอร์แบบ Media sync (MTP) อย่าลืม Enable Debugging Mode ใน G2 ครับ
2. ทำการ unzip platform-tools
3. เปิด DOS prompt ที่ Folder platform-tools
4. ลองทำดูตามตัวอย่างด้านล่างได้เลยครับ ทั้งหมดก็เป็นพื้นฐานที่ใช้งานกันบ่อยๆ ใครอaยากรู้ว่า adb มี option หรือ คำสั่งอะไรได้บ้างให้ใช้ D:/> adb / ? เพื่อดูรายละเอียดต่างๆ ครับ


ตรวจสอบการเชื่อมต่อระหว่าง android devices กับ คอมพิวเตอร์ ถ้าขึ้นตัวเลขซึ่งก็คือ id ของ android devices แสดงว่ามีการเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว

 
เชื่อมต่อ android devices และเรียกใช้งาน shell ของ android

เชื่อมต่อ android devices และเรียกใช้งาน shell ของ android พร้อมทั้งเรียกใช้สิทธิ super user (root)

คำสั่งในการออกจาก shell

ทำการใส่ไฟล์จากคอมพิวเตอร์ไปยัง android devices folder /sdcard

ทำการดึงไฟล์จาก android device จาก /sdcard มายังคอมพิวเตอร์

ทำการ install app apk จาก คอมพิวเตอร์

คำสั่งในการ uninstall apk ใน android devices เราจำเป็นต้องรู้ชื่อของ package ที่เรา install ลงไปก่อน

ใช้ adb reboot anroid device

ใช้ adb reboot anroid device เข้า recovery

คำสั่งในการ capture screen จาก anroid devices และส่งมายังคอมพิวเตอร์

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

แนะนำการ Sync Calendar (ปฏิทิน) จาก E-Mail ของ Microsoft มาบน android

วันนี้ผมขอแนะนำ TIP เล็กน้อยของการ Sync ปฏิทินของ E-Mail จากค่าย Microsoft เช่น outlook.com , hotmail.com หรืออื่นๆ ครับมาดูวิธีทำกันครับง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ใครรู็แล้วมีอะไรเสริมได้เลยนะครับ

วิธีที่จะเสนอนี้ท่านต้องทำอะไรก่อนหลังบ้าง
- มีเมลของ outlook.com หรือ hotmail.com
- ทำการ Add E-Mail เข้าสู่เครื่องมือถือของท่านก่อนเลย

ขั้นตอน
1. ทำการ login เข้าสู่ระบบโดยที่ผมจะใช้ E-Mail ของ outlook.com ทำให้ดูนะครับ

2. เมื่อทำการ login เรียบร้อยแล้วให้ทำการเลือกตามรูปปด้านล่างครับ

3. หลังจากผ่านข้อ 2. มาแล้วถ้ามีแถบสีขาวขึ้นตรงกลางให้เลือก  time zone ให้ทำการเลือกหา  UTC+07:00 จากนั้นกด Continue to Calendar



4. เมื่อเข้าสู่หน้า Calendar หรือปฏิทิน ตามรูปด้านล่างแล้ว คราวนี้ก็จะมาเข้ากระบวนการสร้างตารางนัดหมายหรือว่าใช้เป็นตัวเตือนความจำ ผมจะทดสอบสร้างตารางนัดหมายขึ้นมาในวันที่ 18/12/2014 ให้ทำการ Doable Click ที่วันที่ 18


5. เปิดกดเลือกแล้วก็จะมี pop up ขึ้นมาดังรูปให้เรากำลังแบบโดยย่อ ณ ตอนนี้ให้ทำการกดเลือก View Detail


6. หลังจากนั้นก็ทำการใส่รายละเอียดต่างๆ ลงไป 
ตัวอย่าง
ผมให้เริ่มเตือนผมตอน 8 โมงเช้า จนถึง 8:30 โดยที่จะทำการเตือนล่วงหน้า 15  นาที (ทุกๆ 15 นาทีเตือน) เมื่อถึงเงื่อนไขดังกล่าวก็จะมี pop up แสดงขึ้นมาบน มือถือของเรา ถ้าดูทางฝั่งฝ่ายจะให้ให้กรอกรายละเอียดเพื่อเตือนความจำเราด้วยครับว่าเตือนให้ทำอะไร หรือ ใครจะประยุกต์ใช้อย่างไหนก็แล้วแต่สะดวกครับ จากนั้นกดปุ่ม save



เมื่อเสร็จแล้วก็จะมีหน้าตาดังนี้ครับ ต่อไปก็จะทำการ Sync ขึ้นมาบน มือถือเองโดยอัตโนมัติ ถ้าเราทำการ เลือก Sync บน มือถือ


มาดูกันครับว่าบนมือถือเลือกตรงไหนถ้ามันไม่ทำการ Sync Calendar ขึ้นมาอัตโนมัติ

7.  เปิดเข้าไปที่ settings>Account มือถือแต่ละยี่ห้อหรือแต่ละรอมอาจจะแตกต่างกันไปครับแต่น่าจะเมนูเนื้อหาคล้ายๆกันแนวๆ นี้
ให้ดูใน Account ที่เราต้องการ Sync (E-Mail Microsoft ที่เราทำการสร้างบนเวบ) สังเกตุดูว่ามีการคลิกเลือก Calendar หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ให้ทำการเลือก


หลังจากนั้นนัดหมายที่เราสร้างบนเวบก็จะถูก Sync ขึ้นมาบน มือถือเราเรียบเร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลาที่เรากำหนดเอาไว้ มันจะมี pop up ขึ้นเตือนเรามาบน มือถือครับ





วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รู้จัก Xposed Framework กันเถอะ

ตอนนี้ผมอยากจะเข้ามาแนะนำให้รู้จักับ Xposed Framework ซึ่งเป็น app ที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับนัก Modify ซึ่งปกติแล้วก่อนนี้การจะดัดแปลงแก้ไขอะไรซักอย่างยุ่งยากมากเลย แต่เมื่อมี Xposed Framework ทำอะไรๆ ก็ง่ายยิ่งขึ้น

เรามาเริ่มเล่นกันเลยดีกว่าครับ


2. จากนั้นก็ install ลงเครื่องตามธรรมดา
3. เมื่อลงแล้วก็เปิดโปรแกรมขึ้นมาเลยครับทำตามรูปด้านล่างจากซ้ายไปขวา

framework > install/update > จากนั้น reboot เครื่อง


Framework - สำหรับ Install Xposed ในตอนแรก
Download - สำหรับโหลดพวกโปรแกรมเสริมหรือ App เสริม หรือ มันก็คือสิ่งที่เราอยากจะทำนั้นเองเช่น อยากเปลี่น Navigationbar ให้มีขนาดเล็กลงก็หา App ที่จัดการพวกนี้
Modules - คือ App ของ Xposed ที่เราโหลดมาแล้วติดตั้งลงไป



4. หลังจาก reboot เสร็จแล้วก็ลองโหลดลองปรับแต่งตามด้านล่างครับยกตัวอย่างให้ดูเมื่อลง GravityBox แล้ว จากนั้นเปิดตัว add on ถ้าเปิดไม่ได้หรือเจอ errorให้ทดลองเข้าไป framework ใหม่แล้วกด install/update ใหม่อีกครั้งแล้ว rebootแล้วก็ให้เข้าหน้ gravityBox ใหม่ครับ


5. ถ้าเข้า GravityBox ได้แล้ว มาลองปรับแต่งเป็นตัวอย่างให้ดูครับ ผมจะทำการปรับขนาดของ Navigation Bar ให้เล็กลง ลองปรับตามรูป ปรับเสร็จแล้วให้ restart ใหม่ครับดูความเปลี่ยนแปลง อย่าลืมไป active add on ด้วยนะครับ



วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ถามตอบกับ init.d script

ถาม. อะไรคือ init.d script
ตอบ. มันคือ shell script ที่ถูกเรียกใช้งานหลังจากบูตเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะใช้ความสามารถของตัว kernel ให้การจัดการเรียก script เหล่านี้ขึ้นมาทำงาน

ถาม. shell script เหล่านั้นทำอะไรบ้าง
ตอบ.  ขึ้นอยู่กับงานว่าจะให้ทำอะไรหลังจากบูตเครื่องเรียบร้อยแล้วเช่น 

เอาตัวอย่างของ init.d script ในรอมยอดฮิต Cloudy มาให้ดูครับ

if [ ! -e /data/tweak.log ] && [ -e /data/data/com.android.providers.settings/databases/settings.db ]; then

sqlite3 /data/data/com.android.providers.settings/databases/settings.db "insert or replace into global(name,value) values('animator_duration_scale','0.5')"

sqlite3 /data/data/com.android.providers.settings/databases/settings.db "insert or replace into system(name,value) values('animator_duration_scale','0.5')"

fi

เมื่อมีการบูตเข้าระบบทุกครั้งก็จะมีการกำหนดค่าของ windows duration scale = 0.5

ถาม. เจ้า init.d script อยู่ที่ไหน
ตอบ. มันจะอยู่ใน Folder /system/etc/init.d





ถาม. ไฟล์ต่างๆ ใน init.d folder ถูกเซ็ท permision ไว้แบบไหน
ตอบ. chmod 777 ทุกคนทุกกลุ่มสามารถเข้ามาทำอะไรได้หมด

ถาม. แล้วทำยังไงให้ เครื่องเราสามารถใช้ init.d script ได้
ตอบ. kernel ต้องรองรับและลง busybox ไว้ด้วย

ถาม. ถ้า kernel ไม่รองรับจะทำยังไง
ตอบ. ผมแนะนำ app ตัวนี้ครับ Universal Init.d 


ทำให้เครื่องเราใช้ init.d script ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถของ kernel

ถาม. init.d folder มาจากไหน
ตอบ. ถ้าใช้รอมโมก็มาตั้งแต่ลงรอมครั้งแรกผู้สร้างรอมจะสร้างมาเรียบร้อยแล้วใน folder ตามที่พูดถึงด้านบน

ถาม. ถ้าไม่ได้ใช้รอมโมใช้แค่รอมศูนย์ Root จะใช้ init.d ต้องทำยังไง
ตอบ. เข้าไปสร้าง Folder เองโดยใช้ root explorer ใน
/system/etc
ชื่อ folder init.d
และใส่ไฟล์ script ในนั้น

ถาม. เราจะหา script init.d ได้ที่ไหน
ตอบ. ค้นหาจาก google ครับ....หรือแกะงัดจากรอมโมตัวต่างๆ

ODEX ROM และ DE-ODEX ROM คืออะไร

ODEX ROM คือรอมหรือ firmware ที่ application ของ android system จะถูก pack อยู่ในไฟล์นามสกุล apk และ odex ในนามสกุล odex ไฟล์จะเป็นตัว optimize ให้ระบบทำการบูตเร็วขึ้นและเป็นการแยกส่วนกันระหว่าง coding กับ execution ทำให้ยากต่อการแก้ไขเปลี่ยนยกตัวอย่าง รอมศุนย์ไทยของ LG G2 ใน /system/app จะประกอบด้วยไฟล์หรือ app ที่มีชื่อเหมือนกัน 2 ไฟล์เช่น wallpaper.apk และ wallpaper.odex

DE-ODEX ROM คือรอมที่ทำการรวมกับส่วนของ Code และ Execution เข้าด้วยครับคือรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันเหลือแค่ 1 ไฟล์คือนามสกุล apk ง่ายต่อการแก้ไขดัดแปลงรอมหรือแก้ไข application นั้นๆให้สังเกตุพวกรวมโมหรือรอมนอกบางตัวใน Folder /system/app จะมีไฟล์เพียงแค่นามสกุลเดียวคือ apk เช่น wallpaper.apk

คำศัพท์ นักเล่น android เบื้องต้น



Firmware

คือโปรแกรมที่ติดมากับเครื่องหรือ Hardware ซึ่งจะถูกลงอยู่บน ROM (Read-Only Memory) ติดมาตั้งแต่ออกจากโรงงานหรือพูดง่ายๆ มากับเครื่องเราตั้งแต่เราซื้อเลยเช่น android 4.2.2 Jelly Bean ของ LG G2 ที่ซื้อมาตั้งแต่ตอนออกใหม่ๆ หรือ anroid 4.4.2 KitKat ใน LG G2 ในล็อตหลังๆ


ชื่อรุ่น Android ตัวเลขข้างหน้าคือเลข เวอร์ชั่น ข้างหลัง คือ code name ของแต่ละรุ่น
1.5 Cupcake
1.6 Donut
2.1 Eclair
2.2 Froyo
2.3 Gingerbread
3.xx Honey comb
4.0 Ice cream sandwich
4.1 Jelly bean
4.4 Kit Kat


ขอบคุณ คุณ Warat Engpaiboon 

Stock ROM
คือเวอร์ชั้นของระบบปฏิบัติการที่มากับเครื่องของเราตั้งแต่เราซื้อมาซึ่ง Stock ROM ของแต่ละค่ายก็จะแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตเช่น Stock ROM ของ LG หรือ Stock ROM ของ sony แต่ก็ Base on firmware ตัวเดียวกันคือ KitKat


Custom ROM
คือเวอร์ชั้นของระบบปฏิบัติการที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมความสามารถบางอย่างลงไปซึ่งจะแตกต่างจาก Stock ROM ที่มากับเครื่องในตอนซื้อเครื่องมาครั้งแรกหรือมาจากผู้ผลิตเช่น Custom ROM ของ LG G2 เช่น Pardus HD,CloudyFlex,CloudyStock,CloudyG3 หรือ CM11 เป็นต้น


ROM Port
คือการนำเอา Stock ROM ของเครื่องอื่นๆที่ไม่ใช่รุ่นเดียวกัน มา Flash ใช้งานโดยมีการปรับแต่งให้สามารถทำงานได้ และเพิ่มความสามารถให้เครื่องดั่งเดิม สามารถใช้งาน Feature ต่างๆได้เหมือนกับเครื่องที่ทำการ Port มา เช่น ROM Port จาก LG G Pro2 หรือ LG G3 ที่สามารถทำงานได้บน LG G2


KERNEL
ถ้า ROM คือโครงรถฉันใด KERNEL ก็คือ เครื่องยนต์ฉันนั้น
การปรับแต่งทั้ง CPU ความเร็วแรง ประสิทธิภาพต่างๆ ส่วนใหญ่ล้วนขึ้นอยู่กับ KERNEL นั่นเอง
บางครั้ง ROM ที่เราใช้มันหน้าตาถูกใจ เมนูสวยงามแล้ว แต่ความแรงไม่ได้ตามต้องการ หรือมันแรงไป กินแบตไป เราก็เปลี่ยนแค่เครื่องยนต์หรือ KERNEL มันซะแค่นั้นเอง โดยยังคงสภาพหน้าตาของROMเดิมไว้

[อธิบาย] มาทำความรู้จักกับ ROM, KERNEL, TWEAKS, ROOT, CWM ว่าคืออะไรกันบ้าง  



Flashing
การลงโปรแกรมใหม่ลงบนโปรแกรมเดิมหรือการลง ROM เวอร์ชั่นใหม่บน ROM เดิม เพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือการเพิ่มความสามารถให้กับ ROM


Root
ROM ต่างๆ ที่มาจากผู้ผลิตจากโรงงานจะมีการกำหนดสิทธิ์การเข้าใช้งานในส่วนต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานตามความต้องการหรือที่ผู้ผลิตกำหนดเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรได้นอกจากที่กำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น การ Root คือการได้สิทธิต่างๆนั้นมาทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้มากับ ROM ในครั้งแรก


Stock Recovery
ตามชื่อเลยคือการกู้คืนหรือการบำรุงรักษา ถ้ามาดู Recovery ของ LG G2 ในเวอร์ชั้นของ Firmware 4.4.2 KitKat ก็จะมี Recovery ติดมากับเครื่องซึ่งจะมีความสามารถไม่เยอะทำได้แค่การ Factory Reset /Install Zip ผ่าน ADB เป็นต้น


Mount
ใน android จะมองสิ่งต่างๆ เป็น device อุปกรณ์ต่อพ่วงหรือเป็น partition เช่น system , cache , usb เป็นต้น การที่จะเข้าใช้งานได้นั้นจำเป็นที่จะต้องเปิดประตูเพื่อเข้าไปใช้งานหรือเปรียบเสมือการเปิดฝาหม้อข้าวเพื่อตักข้าวมากินนั้นเอง การ mount คือการบอกระบบว่าตอนนี้เราจะขอเข้าไปใช้งาน device หรือ partition นั้นๆ


wipe
อธิบายง่ายๆเพื่อให้เห็นภาพชัดๆ คล้ายๆกับการ format ใน DOS หรือ Windows คือการล้างข้อมูลของ partition นั้นๆ


Custom Recovery
คือ Recovery ที่ทำการเพิ่มความสามารถต่างๆ ลงไป ให้สามารถทำงานได้มากกว่า Stock Recovery เช่น สามารถ Backup/Restore ข้อมูลได้ สามารถทำการ Install zip ผ่านตัว Recovery ได้ สามารถ mount อุปกรณ์ต่อพ่วงหรือ partition ต่างๆ ของระบบได้หรือ สามารถทำการ Wipe Partition ต่างๆ ของระบบได้เป็นต้น ตัวอย่างของ Custom Recovery ที่นิยมใช้งานตามผู้พัฒนาคือ CWM (Clock Work Mod) , TWRP (Team Win Recovery Project) ,Philz Recovery



ADB
(Android Debug Bridge) เป็น Tool ที่ใช้บริการจัดการ android devices เมื่ออุปกรณ์ android devices ทำการเปิดการเชื่อมต่อแบบ USB Debugging Mode กับคอมพิวเตอร์ก็จะสามารถใช้คำสั่ง adb ได้

รายละเอียดเกี่ยวกับ adb เพิ่มเติม [ADB] Android Debug Bridge เครื่องมือเชื่อมต่อ android 

ผิดถูกยังไงก็แจ้งได้ครับผมเองก็ไม่ได้รู้ความหมายแท้จริงเท่าไหร่ ใช้งานแบบบ้านๆไปวันๆ :)


Source : [Android ABC] What's a Bootloader,ROM,Kernel,Firmware,ADB,Root etc 

ทำไมต้อง ROOT / ROOT แล้วได้อะไร / ROOT แล้วมีปํญหาอะไร

คงเคยได้ยินคำว่า ROOT มากันบ้างแล้วนะครับ แล้วคำจำกัดความของการ ROOT ถ้าไปค้นหาใน Internet มีเยอะมากอธิบายถึงหลักการต่างๆ ไว้เยอะแล้วครับ

ในตอนนี้ผมขออธิบายและตอบปัญหา 3 ข้อด้านบนให้พอเข้าใจเบื้องต้นในแบบฉบับของผมครับ

ถาม  : ทำไมต้อง ROOT
ตอบ : 
การ ROOT ในแบบฉบับของผมคือการเข้าครอบครองสิทธิ์ครับ อธิบายง่ายๆ คือ ยามเฝ้ารักษาการ กับเจ้าของบ้านย่อมมีสิทธิ์ในบ้านที่แตกต่างกันเปรียบผู้ใช้งานทั่วไปคือยามรักษาการ และเจ้าของบ้านคือสิทธิที่ได้จากการ ROOT เจ้าของบ้านย่อมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างกับบ้านได้มากขึ้น เดินเข้าบ้านไปเปิดตู้เย็นกินน้ำ หรือจะปรับแต่งปรับปรุงบ้าน ติดกล้องวงจรปิด แต่ยามรักษาการได้เพียงแค่ดูแลรอบๆบ้านตามที่เจ้าของบ้านกำหนดเท่านั้น


ถาม  : ROOT แล้วได้อะไร
ตอบ :
ผู้ใช้งานใน android ก็เหมือนกันครับมีสิทธิที่จำกัดที่ผู้พัฒนากำหนดมาเท่านั้น
ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั้น ถ้าท่านไม่ ROOT ท่านไม่สามารถ
1. ปรับขนาดของ NavigationBar ให้มีขนาดเล็กใหญ่ได้ตามพอใจ หรือจะซ่อนด้วยครับ
2.ท่านไม่สามารถปรับความเร็วของ CPU ได้ให้เร็วขึ้นถ้าท่านไม่ ROOT
3. ท่านไม่สามารถ Block โฆษณาต่างๆได้ถ้าท่านไม่ ROOT
4. ถ้าไม่สามารถสั่งให้ app หยุดการทำงานได้ (Hibernate) ถ้าท่านไม่ ROOT
5. ถ้าไม่สามารถเปลี่ยน Font ให้เป็นแบบต่างๆได้ถ้าท่านไม่ ROOT
6. ท่านไม่สามารถโกงเกมส์ หรือโกงแอฟต่างๆได้ถ้าท่านไม่ ROOT
7. ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้รอมตัวอื่นๆได้ถ้าท่านไม่ ROOT
8. ท่านต้องรอทางผู้ผลิตอัพเดทซอฟ์แวร์ให้เท่านั้นไม่สามารถใช้เวอร์ชั่นใหม่ๆได้
หากผู้ผลิตไม่ทำออกมาถ้าท่านไม่ ROOT
9. ไม่สามารถปิดเสียง shutter ของกล้องได้ถ้าท่านไม่ ROOT
10. คุณไม่สามารถปรับแต่งธีมสวยๆ ได้ถ้าคุณไม่ ROOT
ฯลฯ


ถาม : ROOT แล้วมีปํญหาอะไร
ตอบ : 
1. กากบาทตัวแดงๆ ไว้เลยครับถ้าท่าน ROOT แล้วเอาเครื่องเข้าศูนย์โดยที่ไม่เอา ROOT ออกเครื่องหมดประกันครับ
2. ROOT แล้วมีปํญหาพูดได้ว่าแทบจะ 100% มาจากตัวผู้ใช้งานเองไม่มีความรู้หรือไม่เข้าใจหรือเกิดความผิดพลาดจากการแก้ไขดัดแปลงทำให้ระบบเกิดปัญหาเช่น บูตไม่ได้ ใช้งานโน้นนี่ไม่ได้ หรือทำให้เครื่องโทรศัพท์อยู่ที่ในสภาพ brick (ทำอะไรไม่ได้นอกจากเอามาทับกระดาษ) บูตเครื่องไม่ได้หรือไม่สามารถแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ฉะนั้นท่านที่จะแก้ไจดัดแปลงอะไรหลังจาก ROOT แล้วควรศึกษาขั้นตอนอย่างถูกต้องและวิเคราะห์ถึงผลกระทบใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องของเราทำการ Backup ข้อมูลทุกครั้งก่อนลงมือกระทำใดๆ

หวังว่าบทความนี้พอจะมีประโยชน์และทำให้หลายๆ คนที่ไม่เข้าใจถึงการ ROOT พอที่จะเห็นภาพขึ้นมาบ้างนะครับเพื่อต่อไปจะได้ต่อยอดได้ครับ...

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

[LGG2] สอนวิธีลง android 5.0 Lollipop บน LGG2-D802 (How to install Lollipop on LGG2)

สำหรับโพสนี้เป็นโพสแรกของ Blog ผมจะสอนวิธีการลง  android 5.0 Lollipop บน LGG2-D802 (เครื่องศูนย์ไทย) สำหรับท่านที่ต้องการลิ้มลองอมยิ้มก่อนการอัพเดทของ LG ซึ่งจากที่ผมทดสอบเล่นดูแล้วตอนนี้ถือว่าใช้ได้ทีเดียว สามารถใช้งานได้ตลอดวันสบายๆ เรามาดูกันครับว่าทำกันยังไง

สิ่งที่ต้องเตรียมตัว
1. เครื่องต้องผ่านการ ROOT
2. เครื่องต้องมี Custom Recovery (ในโพสสอนนี้ผมขอใช้ TWRP)

สำหรับการ ROOT+Custom Recovery สามารถศึกษาได้จาก



สิ่งที่แนะนำเพิ่มเติม
1. ต้องเรียนรู้การทำกลับไปยัง Firmware ศูนย์
2. ทำการอ่านขั้นตอนต่างๆ ให้เข้าใจก่อนการดำเนินการ
3. ต้องย่อมรับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

สำหรับการทำกลับไปยัง firmware ศูนย์สามารถศึกษาได้จาก



ผมไม่รับผิดชอบผลกระทบใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการกระทำกับเครื่องของท่าน ควรพิจารณาก่อนลงมือทำ


เมื่อเตรียมตัวปล่อยแล้วเรามาเริ่มกันเลยครับ

1. ทำการโหลดรอมมาก่อนซึ่งสามารถโหลดได้จาก CM-12-EXPERIMENTAL เราจะทำการเลือกตัวเวอร์ชั่นล่าสุดตอนนี้คือ cm-12-20141204-EXPERIMENTAL-SANSQCOM9-d802.zip

2. ทำการโหลด Gapps ซึ่งสามารถโหลดหรือหาได้จากหลายๆ ที่ ตอนนี้โหลดจากที่นี่ก่อนเลยครับ
gapps-lp-20141129-signed.zip

3. ทำการโหลด SuperSu สำหรับทำการ ROOT โดยที่ SupserSu จะมีอัพเดทเรื่อยๆ เข้าไปโหลดได้ที่
SuperSu ตอนนี้ตัวล่าสุดคือ BETA-SuperSU-v2.38.zip

4. สำหรับคนที่เพิ่ง ROOT และลง Custom Recovery ก็จะได้ TWRP 2.7.1 ให้ทำการอัพเดทให้เป็นตัวล่าสุด ณ ตอนนี้คือ 2.8.2.0 ให้ทำการโหลดได้ที่ TWRP 2.8.2.0 ทำการเลือกให้ตรงรุ่นนะครับ ถ้าใช้ D802 ให้เลือก twrp-2.8.2.0-d802-bump-blastagator-signed.zip 

5. ทำการ copy ไฟล์ทั้งหมดลง sdcard



6. ทำการ Reboot เข้าสู่ Recovery ถ้าเครื่องโหลดแล้วก็ให้โหลด app มาใช้ครับจะได้ง่ายๆ หรือจะปิดเครื่องแล้วกดปุ่มก็ได้ครับ สำหรับ App ที่แนะนำก็ Quick Reboot



8. จากนั้นก็ทำตาม คลิปวิดีโอได้เลยครับ




http://www.facebook.com/droidth
Share && Like